ท่านผู้หญิง ศรีรัศมิ์ สุวดี อภิเษกสมรสกับพระสวามีใหม่ หรือกำลังจะกลับคืนสู่ราชวงศ์ไทย - news thai daily

ท่านผู้หญิง ศรีรัศมิ์ สุวดี อภิเษกสมรสกับพระสวามีใหม่ หรือกำลังจะกลับคืนสู่ราชวงศ์ไทย


 หากท่านประสงค์ทราบหรือไม่คะว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่10โดยพระยศในขณะนั้นคือสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารและหม่อมศรีรัตน์ส่งตั้งใจที่จะมีพระราชโอรสพระวงศ์ซึ่งในขณะนั้นรัชกาลที่10มีพระชนมพรรษา50พรรษาแล้วจึงต้องส่งทางกิ๊บเพื่อที่จะมีพระราชโอรสและแล้วก็เป็นผลสำเร็จค่ะโดยเมื่อวันที่29เมษายน2548เจ้าฟ้าที่บางกรรัศมีโชติได้มีพระประสูติอิการเมื่อเวลา18:35นยังความปรับลืมมาสู่พระบรมวงศานุวงศ์และประสบนิกรทั้งประเทศเป็นอย่างยิ่งในครั้งนั้นประชาชนหลังหลายไปลงนามถวายพระพรที่โรง


พยาบาลศิริราชอย่างไม่ขาดสายและไม่กี่วันต่อมากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยโอ้พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญาหนูไปทรงรับหม่อมศรีรัตน์และเจ้าฟ้าที่บางกรที่โรงพยาบาลศิริราชในช่วงปลายเดือนเมษายน2548เป็นช่วงเวลาที่คนไทยเพิ่มปิติด้วยเป็นว่าโรคอาจพระสูติการของพระโอรสในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชและหม่อมศรีรัตน์มหิดลณอยุธยาในช่วงเวลานั้นซึ่งมวลชนได้รับอนุญาตการราชทานสัมภาษณ์ถึงความรู้สึกส่วนลึกในพระราชหฤทัยที่ทรงมีต่อหม่อมศรีรัตน์โดยพระองค์ได้ทรงพบกับหม่อมศรีรัตน์หญิงที่มาจากครอบครัวธรรมดาที่ไม่มีอะไรที่เศษแต่


ทรงกล่าวอย่างมั่นใจหลังจากได้ทำความรู้จักและเรียนรู้ซึ่งกันและกันมาตั้งแต่ปี2536ว่ารวมศรีรัศมิ์เป็นคนมีความเมตตามีความอ่อนโยนและเป็นมิตรเข้ากับทุกคนและเข้ากับพระองค์ได้หม่อมมาจากครอบครัวควรธรรมดาธรรมดาพ่อแม่เขาก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรเขามีความสงบเสงี่ยมเจียมตัวมีความอดทนไม่เคยให้ร้ายใครใช้ชีวิตเรียบง่ายสบายๆที่สำคัญมีความอบอุ่นในครอบครัวทำให้บ้านเป็นบ้านหม่อมศรีรัตน์เกิดเมื่อวันที่9ธันวาคม2514เป็นชาวจังหวัดสมุทรสงครามมีพี่น้อง๕คนมองเป็นบุตรสาวคนที่3หม่อมศรีรัตน์สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียน


กรุงเทพการบัญชีวิทยาลัยหลังจากนั้นได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชเมื่อปี2540สาขาวิชาวิทยาการจัดการวิชาเอกการจัดการทั่วไปบริษัทก็จะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเมื่อวันที่23มกราคม2545หนูและหม่อมศรีรัตน์ได้เข้าถวายการรับใช้ในสมเด็จพระบรมโอสาธิราชตั้งแต่ปี2536โดยรับผิดชอบหน้าที่การงานในฐานะข้าราชการพลเรือนในพระองค์รวมทั้งได้ถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวงในด้านศิลปาชีพอีกด้วยหลังจากเรียนรู้ซึ่งกันและกันจนกระทั่ง


หน้าพระไทยแล้วสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงคิดว่าน่าจะถึงเวลาที่พระองค์จะทรงมีครอบครัวที่สมบูรณ์น่ารักแต่ก็อดกังวลพระทัยไม่ได้ว่าถ้าทรงทำอะไรเป็นทางการเกินไปความรักของพระองค์อาจจะมีปัญหาภายหลังได้เพราะดวงของพระองค์ค่อนข้างจะเป็นแบบนั้นด้วยเหตุนี้พระองค์จึงต้องตรงมีวิธีแก้คลิกโดยส่งเคยเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าอ่ะดูดวงของเราถ้าทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวมากเกินไปจะพังวันที่จดทะเบียนสมรสกับหม่อมเราแก้เคล็ดด้วยการใส่เสื้อยืดกางเกงวอร์มรองเท้าแตะที่อยู่ที่ประทับชั่วคราวนนทบุรีให้ราชเลขาสวายหนังสือตาม


ปกตินั่งอยู่ห้องนั่งเล่นถึงเวลาก็ให้นายอำเภอเข้ามาห้องเขาก็แต่งตัวธรรมดาบอกให้มองแต่งตัวโทรมแล้วเอากระดาษมาเซ็งพอดีขั้นหญิงซึ่งก็คือหม่อมเจ้าสิริวัณณวรีมหิดลในยศในขณะนั้นเข้ามาก็แสดงความยินดีแล้วก็ไปออกกำลังกายธรรมดาหลังจากนั้นพระองค์และหม่อมศรีรัตน์ก็ได้ส่งเข้ารับราชการน้ำสังข์จากระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9แต่ทั้งนี้การอภิเษกสมรสแบบเงียบๆดังกล่าวมีขึ้นในวันที่10กุมภาพันธ์2544และปีต่อมาในวันที่25มกราคม[เพลง]2545สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชก็ได้ทรงตัดสินพระทัยให้ผู้สื่อข่าวเข้าเฝ้าเพื่อที่จะได้ทราบข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับชีวิต


ครอบครัวของพระองค์มีช่องว่างอยู่หนูแต่ครั้งนั้นส่งกล่าวว่าพระองค์อายุ50ปีแล้วไม่อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่อยากได้ครอบครัวที่ดีที่คนพอใจเป็นประโยชน์ครบได้ไม่ใช่เป็นการเอาอะไรมาใส่ประชาชนแต่ขอให้ประชาชนยอมรับว่าคนนี้ใช้ได้อีก10ปีก็พิสูจน์กันพอสมควรแล้วชีวิตหม่อมเข้ามาในวังได้แรกก็ไม่ได้สบายนักเหมือนกับการปลูกต้นไม้ต้องค่อยๆโตสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงเคยเล่าให้ฟังว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวงก็ทรงเคยถามว่าเมื่อไหร่จะมีหลานผู้ชาย


ตรงก็จัดว่าว่ากำลังพยายามอยู่กำลังทำกิ๊ฟซึ่งพระองค์เองก็ยอมรับว่าทรงอยากได้พระโอรสเช่นกันแต่แล้วข่าวดีที่พระองค์คิดก็ผิดคาดไปเกือบ2ปีเพราะหม่อมศรีรัตน์มีครรภ์จริงๆประมาณเดือนสิงหาคม2547แต่กว่าจะทราบว่ามีครรภ์ก็ปลายปี2547แล้วทั้งนี้สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์แจ้งข่าวดีนี้ให้แก่ประชาชนทราบเมื่อวันที่14กุมภาพันธ์2548โดยคาดว่าหม่อมศรีรัตน์จะมีประสูติกาลประมาณกลางเดือนพฤษภาคม2548หม่อมศรีรัตน์ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงทารกในครรภ์เมื่อวันที่19กุมภาพันธ์2548ลูกดิ้นเก่งเวลาพริกตัวแต่ละทีจะรู้สึกได้เลยว่าท้องเคลื่อนไหว


ก็จะเอามือลูบท้องทุกครั้งรู้สึกมีความสุขและลูกก็ชอบฟังเพลงเจ้ามองสิ่งรัฐจะชอบร้องเพลงเวลาเล่นกับฟูๆและลูกๆสุนัขทรงเลี้ยงของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชโดยเฉพาะเลงเด็กดอยใจดีหนูถ้ารวมศรีรัศมิ์ก็เหมือนกับแม่ทั่วไปที่อยากเรียนของใช้ไว้ให้ลูกมีแต่นี่ที่สุดก็ไม่เตรียมเพราะเห็นว่าโบราณถือขณะที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงมีพระราชประสงค์ให้เตรียมและส่งปลื้มพระโอรสมากทั้งที่ยังอยู่ในครรภ์สังเกตได้จากพระองค์จะทอดคเณศห้องเด็กที่เตรียมไว้ทุกวันมีคุณหมอมาดูเอาพรมในห้องออกให้หมดแล้วนำพลาสติกมาปูแล้ว


ปูถามด้วยภาพและหม่อมศรีรัตน์กล่าวว่าจริงๆแล้วอยากได้บ้านที่เป็นไม้ซึ่งมีที่พุทธมณฑลแต่กำลังสร้างอยู่เมื่อเสร็จแล้วคงไปพักได้ในช่วงวันสุดสัปดาห์จากการพระราชทานสัมภาษณ์สื่อมวลชนในครั้งนั้นก็ทำให้คนไทยทั้งประเทศลืมปิดจิในความอบอุ่นของสายใยรักแห่งครอบครัวที่ทรงสร้างหลักฐานไว้แต่และ9ปีต่อมาก็มีข่าวการกวาดล้างเครือข่ายญาติของหม่อมศรีรัตน์และตามมาด้วยข่าวการธุระออกจากฐานันดรศักดิ์ซึ่งสร้างความตกใจให้แก่คนไทยทั้งประเทศโดยในวันที่12ธันวาคม2557ได้มีประกาศลงในราชกิจจานุเบกษามีใจความว่าพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศพระวรชายาใน


สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์อุ้ยอย่ามากดราชกุมารได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์สยามมกุฎราชกุมารเป็นลายลักษณ์อักษรว่าขอพระราชทานกราบบังคมทูลลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้วถ้าจะทานพระบรมราชานุญาติประกาศณวันที่11ธันวาคม2557เป็นปีที่69ในรัชกาลปัจจุบันที่ผ่านมาหม่อมศรีรัตน์ปฏิบัติภารกิจมากมายซึ่งส่วนใหญ่เป็นภารกิจด้านสายใยรักระหว่างแม่สู่ลูกตลอดจนการสร้างอาชีพให้แก่ครอบครัวโดยหม่อมศรีรัตน์ได้ปฏิบัติภารกิจสุดท้ายก่อนธุระออกจากฐานันดรสัตว์และในวันที่6


ธันวาคม2557ในการเปิดงาน9ปีสายใยรักแห่งครอบครัววันที่รอคอยของหม่อมศรีรัตน์หรือท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์สุวะดีในปัจจุบันก็คือวันที่ได้ให้กำเนิดพระโอรสที่น่ารักและคือการได้ใช้ช่วงเวลาหนึ่งในการโครงฟักทะนุถนอมความเกลาให้พระโอรสเติบโตเพื่อสืบราชสกุลต่อไปและทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของท่านผู้ชมทราบหรือไม่คะอ่ะ