บรมราชานุญาตตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับทะเบียนฐานันดรประกาศณวันที่ 11 ธันวาคมพ.ศ 2557 โดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระ มหากษัตริย์ได้ดำเนินการที่สมเด็จพระ บรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมารมีพระราชประสงค์ขอรับ เงินพระราชทานจากสำนักงานทรัพย์สินส่วน พระมหากษัตริย์เพื่อพระราชทานใช้ในการ ดำรงชีพและดูแลครอบครัวท่านผู้หญิง ศรีรัตน์สุวดีได้กลับไปใช้ชีวิตเรียบง่าย ที่บ้านในอำเภอวัดเปร็งจังหวัดราชบุรีแต่ ยังไม่ปรากฏตัวออกสู่สาธารณชนท่ามกลาง ความสนใจของสื่อมวลชนที่ติดตามอย่างใกล้ ชิดโดยมีรายงานเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมว่า ยังคงมีกองทัพสื่อมวลชนทั้งในพื้นที่และ
ส่วนกลางจากหลายสำนักเฝ้าติดตามเรารายงาน สถานการณ์และความเคลื่อนไหวอยู่ที่หน้า บ้านของท่านผู้หญิงศรีรัตน์สุวดีเลขที่ 149 หมู่ 6 บ้านวัดเพลงอำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรีโดยท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ ยังคงเก็บตัวปฏิบัติภารกิจอยู่ภายในบ้าน ไม่มีการทำตักบาตรเหมือนทุกวันหรือมีใคร เดินออกจากบ้านไปไหนรวมทั้งไม่มีบุคคลภาย นอกเข้าไปด้วยขณะที่พระครูพิศาล จริยาภิรมย์เจ้าอาวาสวัดประดู่เปิดเผย เพียงสั้นๆกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า วันนี้ทางครอบครัวสวัสดีไม่ได้นิมนต์พระ จากวัดไปรับบิณฑบาตช่วงสายวันเดียวกันนาย สมศักดิ์แซ่โล้วนายกอบตวัดเพลงพร้อมเจ้า
หน้าที่จากอบตวัดเพลงนำรถบรรทุกหินดินลูก รังและทราย 20 คันรถมาเทโถมบริเวณถนนสาย วัดเพลงปากคลองเยื้องหน้าบ้านพักท่านผู้ หญิงศรีรัตน์ประมาณ 30 เมตรพร้อมกับนำ ป้อมพักสายตรวจแบบน็อคดาวน์สำเร็จรูปที่ เคยอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านพักท่านผู้หญิง ศรีรัตน์มาติดตั้งใหม่เพื่อไว้เป็นจุด บริการประชาชนและเป็นจุดพักสายตรวจสภวัด เพลงโดยมีพันตำรวจโททรงศักดิ์แก้วขนน้อย สภวัดพระแรงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากส เพลงทั้งในและนอกเครื่องแบบมาตั้งด่านจุด ตรวจบริเวณสามแยกซอยโรงเรือนข้างบ้านพัก ท่านผู้หญิงศรีรัตน์เพื่อรักษาความปลอด ภัยเป็นพิเศษพันตำรวจโททรงศักดิ์กล่าวถึง
เหตุผลการตั้งจุดตรวจบริเวณดังกล่าวว่า เนื่องจากบริเวณซอยโรงเลื่อยเป็นจุด เชื่อมต่อระหว่างอำเภอวัดเปร็งจังหวัด ราชบุรีกับอำเภออัมพวาจังหวัดสมุทรสงคราม มักมีผู้ก่อเหตุอาชญากรรมใช้ในการหลบหนี หลังก่อเหตุอยู่เป็นประจำเลยต้องมีการ ตั้งจุดพักสายตรวจและการตรวจเป็นพิเศษไม่ เกี่ยวกับการเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัย แก่ท่านผู้หญิงศรีรัตน์เพราะท่านผู้หญิง ศรีรัตน์ขนาดนี้ถือเป็นสามัญชนการปฏิบัติ ตัวจึงเหมือนประชาชนทั่วไปไม่มีอะไรเป็น พิเศษขอย้ำว่าการตั้งป้อมตำรวจใกล้บ้าน ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์เป็นจุดเหมาะในการ ให้บริการประชาชนทั่วไปให้ปลอดภัยรวมทั้ง
การรับเรื่องร้องทุกข์ต่างๆ ไม่เกี่ยวกับท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์และอยาก ทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนที่ยังคงเกาะติด ความเคลื่อนไหวบริเวณหน้าบ้านของท่านให้ เฝ้าทำข่าวอยู่ที่ศาลาฝั่งตรงข้ามหน้า บ้านที่เคยเป็นกองรักษาการณ์โดยให้ลง ทะเบียนแจ้งชื่อและหน่วยงานที่สังกัด เพื่อในการตรวจสอบความปลอดภัยด้านนาย แพทย์วรนนท์อิ่มอ่างผอโรงพยาบาลวัดเพลง กล่าวถึงกรณีมีแพทย์และพยาบาลของโรง พยาบาลวัดเพลงพร้อมกล่องอุปกรณ์แพทย์เข้า ไปในบ้านพักท่านผู้หญิงศรีรัตน์เมื่อเย็น วันที่ 16 ธันวาคมว่าโรงพยาบาลได้รับการ ประสานจากครอบครัวสวัสดีให้จัดแพทย์และ
พยาบาลมาช่วยดูแลและฉีดยารักษาโรคเบาหวาน ให้กับนางวันทนีย์สุวดีมารดาท่านผู้หญิง ศรีรัตน์ซึ่งมีอาการโรคเบาหวานกำเริบไม่ สะดวกจะเดินทางโดยรักษากับหมอเจ้าของใคร ที่กรุงเทพฯต้นพร้อมกับพยาบาลได้เดินทาง ไปดูแลอาการ ฉีดยาให้และช่วยสอนคนในบ้านให้สามารถดูแล และปฐมพยาบาลผู้ป่วยเบาหวานในเวลาฉุกเฉิน อย่างไรก็ตามนางวันทนีย์ก็ไม่ได้เป็นอะไร มากสุขภาพโดยทั่วไปแข็งแรงและแจ่มใสดีโดย ขณะที่ไปรักษาท่านผู้หญิงศรีรัตน์ไม่ได้ อยู่ตรงนั้นด้วยต่อมาเวลา 16:45 นพันตำรวจโททรงศักดิ์แก้วขนน้อยสภ วัดเปร็งได้รับการประสานจากแม่บ้านท่าน
ผู้หญิงศรีรัตน์สุวะดีแจ้งว่าท่านผู้หญิง ศรีรัศมิ์มีศาลถึงสื่อมวลชนที่เฝ้าติดตาม ทำข่าวท่านผู้หญิงท่านบริเวณหน้าบ้านโดย พันตำรวจโททรงศักดิ์ได้ไปรับสารดังกล่าว จากบริเวณประตูบ้านในซอยโรงเรือนมาให้กับ สื่อมวลชนได้ถ่ายรูปก่อนจะนำไปเคลือบ พลาสติกนำมาติดประกาศที่ประตูหน้าบ้าน ฝั่งริมถนนสายวัดเพลง ปากท่อ โดยสารดัง กล่าว ท่าน ผู้ หญิงศรีรัศมิ์ได้ใช้ปากกา หมึก สี เรื่องเงินเขียนด้วยลายมือลงบน กระดาษสีขาวขุ่นขนาด A4 มีใจความว่าเราขอ ขอบพระคุณผู้สื่อข่าวทุกท่านที่ให้ความ เป็นห่วงเป็นใยคอยติดตามมาเสมอกล่าวขอ ความกรุณาผู้สื่อข่าวทุกท่านด้วยช่วงนี้
เราขออยู่ปฏิบัติธรรมเงียบๆในบ้านหลังนี้ พร้อมครอบครัวด้วยความสงบค่ะลงชื่อ ศรีรัตน์ 17 ธันวาคม 2557 ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 14:40 นหลัง จากประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับสื่อมวลชน ที่มาเฝ้าติดตามทำข่าวที่บริเวณหน้าบ้าน พักท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์พันตำรวจโท ทรงศักดิ์แก้วผลน้อยสภวัดเปร็งได้ติดต่อ ประสานกับคนในบ้านท่านผู้หญิงศรีรัตน์ เพื่อขอท่านผู้หญิงศรีรัตน์หรือตัวแทนได้ ชี้แจงทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนที่มาเฝ้า ติดตามทำข่าวอย่างต่อเนื่องหลายวันจาก นั้นประมาณ 2 ชั่วโมงให้ล้างท่านผู้หญิง ศรีรัตน์ได้มีสารออกมาแจ้งให้สื่อมวลชน
ทราบ พระราชทาน 200 ล้านให้ศรีรัตน์ใช้ในการ ดำรงชีพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประธาน ทรัพย์สินใช้เอกสารที่แจ้งรายละเอียดระบุ ทำตามพระราชประสงค์ สมหมายภาษีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ด้านเอกสารข่าวแจ้งข้อเท็จจริงเงิน 200 ล้านบาทเป็นเงินที่สำนักงานทรัพย์สินส่วน พระมหากษัตริย์ได้ดำเนินการตามที่สมเด็จ พระบรมโอรสาธิราชมีพระราชประสงค์ขอรับ เงินพระราชทานเพื่อพระราชทานให้ท่านผู้ หญิงศรีรัตน์สุวดีใช้ในการดำรงชีพและดูแล ครอบครัวขณะที่พระครูพิศาลจริยาภิรมย์ เจ้าอาวาสวัดประดู่อำเภอวัดเพลงจังหวัด ราชบุรีเผยท่านผู้หญิงศรีรัตน์นิมนต์พระ
สงฆ์กาโรไปรับบิณฑบาตที่บ้านทุกวันและไม่ ได้ขอคำชี้แนะการปฏิบัติธรรมเพิ่มเพราะ เป็นผู้ปฏิบัติธรรมที่ดีหรือพรหมวิหาร 4 มาตลอดไม่เคยลืมชาติกำเนิดไม่เคยลืมท้อง ถิ่นบ้านเกิดแต่ยังเก็บตัวเงียบไม่ออกจาก บ้านด้านคดีตำรวจออกหมายจับรองเตาและคน สนิทพลตำรวจตรีโกวิทรวม 2 คนข้อหาฟอกเงิน หลังเข้าไปสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องหาในเรือน จำพบความเชื่อมโยงขณะที่การย้ายล้างบาง ตำรวจสังกัดบช.กเครือข่ายพลตำรวจ โทพงษ์พัฒน์อย่างอื่นเจอปัญหาไม่มีตำรวจ นอกหน่วยอย่างย้ายมาสังกัดคำสั่งแต่งตั้ง ตำรวจระดับส.วรองผบกเลยติดขัดเป็นลูกโซ่ ทั่วประเทศ
กรณีพระเจ้าบริวงศ์เธอพระองค์เจ้า ศรีรัตน์พระวรรัชญาในสมเด็จพระ บรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมารได้นำความขึ้นกราบบังคม ทูลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้า มหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมารเป็นลายลักษณ์อักษรขอพระ ราชทานกราบบังคมทูลลาออกจากฐานันดรศักดิ์ แห่งพระราชวงศ์ความซ่าฝ่าละอองธุลีพระบาท แล้วพระราชทานพระบรมราชานุญาตตามประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาฉบับทะเบียนฐานันดรประกาศ ณวันที่ 11 ธันวาคมพ.ศ 2557 หลังจากนั้นท่านผู้หญิงศรีรัตน์ สุวดีตามที่ได้รับพระราชทานเครื่อง ราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าชั้นประถม จุลจอมเกล้าจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่
หัวได้เดินทางกลับไปใช้ชีวิตเรียบง่ายที่ อำเภอวัดเพลงจังหวัดราชบุรีความคืบหน้า เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมกระทรวงการคลังได้ แจกจ่ายเอกสารข่าวฉบับที่ 106/257 ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2557 เรื่องการชี้แจงของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังในฐานะประธานกรรมการทรัพย์ สินส่วนพระมหากษัตริย์กรณีการถอนเงินให้ ท่านผู้หญิงศรีรัตน์สุวดีข้อความว่าตาม ที่มีข่าวว่าท่านผู้หญิงศรีรัตน์สุวดีได้ รับเงินพระราชทานจากสำนักงานทรัพย์สิน ส่วนพระมหากษัตริย์นั้นนายสมหมายภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะ ประธานกรรมการทรัพย์สินส่วนพระ มหากษัตริย์ได้ชี้แจงว่าสำนักงานทรัพย์ สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้ดำเนินการตามที่
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้า มหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมารมีพระราชประสงค์ขอรับ เงินพระราชทานจากสำนักงานทรัพย์สินส่วน พระมหากษัตริย์เพื่อพระราชทานให้ท่านผู้ หญิงศรีรัตน์สุวดีใช้ในการดำรงชีพและดูแล ครอบครัวต่อไปอนึ่งขอให้สื่อมวลชนทั้ง หลายโปรดงดการนำเอกสารใดๆซึ่งไม่เหมาะสม ที่จะเผยแพร่ลงในสื่อทุกชนิดด้วย ด้านความเคลื่อนไหวของท่านผู้หญิง ศรีรัตน์สุวดีผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอด ทั้งวันที่ 15 ธันคมนาคมท่านผู้หญิง ศรีรัตน์สุวดียังคงเก็บตัวปฏิบัติธรรม อยู่ภายในบ้านที่อำเภอวัดเพลงจังหวัด ราชบุรีอย่างเงียบสงบพื้นที่ที่เคยเป็น ที่พักของผู้ติดตามและคนดูแลบ้านถูกปิด
เงียบไม่มีผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับบ้าน สวลีเดินทางเข้าออกนอกจากพระสงฆ์จากวัด ประดู่อำเภอวัดเพลงจำนวน 9 รูปที่นั่งโดย สารรถตู้เข้าไปรับบิณฑบาตภายในบ้านเท่า นั้นทั้งนี้ในช่วงเช้าวันเดียวกันท่านผู้ หญิงศรีรัตน์ได้ทำบุญตักบาตรและถวาย ภัตตาหารเช้าเพื่อความเป็นสิริมงคลพร้อม กับนายอภิรุทธิ์และนางวันทนีย์สุวดีบิดา มารดาบริเวณกระดานสนามย่านหน้าบ้านโดยมี ชาวบ้านที่สนิทและคนใกล้ชิดครอบครัว สวัสดีเดินทางมาร่วมทำบุญด้วยอย่างไรก็ ตามชาวบ้านในพื้นที่ต่างให้ข้อมูลว่าหลัง จากที่ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์เดินทางกลับ บ้านอย่างไม่เคยเห็นออกมาจากบ้านเลยขณะ
ที่พระครูพิศาลหลังจากภิรมย์เจ้าอาวาสวัด ประดู่อำเภอวัดเพลงจังหวัดราชบุรีเปิดเผย วางครอบครัวท่านผู้หญิงศรีรัตน์มานิมนต์ พระจากวัดประดู่จำนวน 9 รูปไปรับบิณฑบาต ตอนเช้าภายในบ้านเป็นประจำทุกวันเหมือน ทุกครั้งที่ท่านกลับมาเยี่ยมบ้านไม่ได้ขอ คำชี้แนะในการปฏิบัติธรรมอะไรเพิ่มเติม เพราะปกติท่านผู้หญิงศรีรัตน์เป็นผู้ ปฏิบัติธรรมที่ดีถือพรหมวิหาร 4 มาโดย ตลอดท่านไม่เคยลืมชาติกำเนิดไม่เคยลืม ท้องถิ่นบ้านเกิดทุกครั้งที่ท่านมีโอกาส กลับบ้านที่อำเภอวัดเพลงท่านจะมาทำนุ บำรุงท้องถิ่นให้เจริญอยู่เสมอที่ท่านผูก พันกับวัดประดู่เพราะที่นี่อยู่ในบ้าน
เกิดของท่านกระดูกคุณย่าของท่านผู้หญิงก็ ฝังอยู่ที่วัดนี้เจ้าอาวาสวัดประดู่เปิด เผยด้วยว่าส่วนกรณีมีสื่อหนังสือพิมพ์ ฉบับหนึ่งไปเขียนว่าวัดประดู่ได้รับการ แต่งตั้งเป็นวัดพระอารามหลวงเพราะได้รับ การช่วยเหลือวิ่งจากนายอภิรุจสุวดีขอชี้ แจงว่าไม่เป็นความจริงเรื่องนี้ไม่เคย เกี่ยวข้องกับนายอภิรุติเลยการที่วัด ประดู่ได้รับพระราชทานยกฐานะเป็นวัดพระ อารามหลวงเนื่องจากเป็นวัดเก่าแก่อายุ 100 ปีมีประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องราชการที่ 1 และรัชกาลที่ 5 รวมทั้งสมเด็จพระสังฆราช เคยเสด็จมาประทับส่วนพระองค์ที่วัดนี้ สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติจึงเสนอชื่อวัดให้
ได้รับการพิจารณายกฐานะเป็นวัดพระอาราม หลวงเนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวครองราชย์ครบ 60 ปีไม่เข้าใจว่า ผู้ที่เสนอข่าวดังกล่าวมีเจตนาอะไรส่วน ความเคลื่อนไหวเรื่องการดำเนินคดีที่ บ.ช.นผู้สื่อข่าวรายงานว่าพนักงานสอบสวน สำนวนคดีการฟอกเงินเครือข่ายพลตำรวจ โทพงศ์พัฒน์ฉายาพันธุ์ขออนุมัติหมายจับ พันตำรวจโททรงรักขุนศรีรองขอกก 6 บอกกป หรือดอกเต่าตามหมายจับศาลอาญาที่ 2264/2557 ลงวันที่ 15 ธันวาคมพ.ศ 2557 และขออนุมัติหมายจับนายทรงพลทรง ศิลป์ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2263/2557 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2557 ข้อหาร่วมกันฟอกเงินหลังจากพนักงาน สอบสวนคดีฟอกเงินนำโดยพันตำรวจเอกชัยยุทธ
มารยาทรองผู้กำกับนส.พร้อมคณะพนักงานสอบ สวนบกเข้าไปสอบปากคำพลตำรวจตรีบุญสืบราย ชื่ออดีตผบและพลตำรวจตรีโกวิทวงรุ่งโรจน์ อดีตรองขอบอกฉกกรณีการรับส่วนน้ำมัน เถื่อนและฟอกเงินพบว่าพันตำรวจโททรงรักมี ส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการที่ได้รับผล ประโยชน์และการกระทำความผิดให้พลตำรวจ โทพงศ์ และไม่ยอมเข้าพบพนักงานสอบสวนตาม ใหม่เรียกและขาดราชการครบกำหนด 15 วันจึง ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อนส่วนนายทรงพล เป็นลูกน้องคนสนิทดูแลบัญชีการเงินให้พล ตำรวจตรีโกวิทส่วนกรณีสอบสวนคดีพฤติกรรม แอบอ้างเบื้องสูงในนามคณะบุคคลน้ำทิพย์ เลขที่ 2/3 หมู่ 9 ถนนทวีวัฒนาแขวง
ทวีวัฒนาเขตทวีวัฒนากกทมประมูลขายน้ำพริก ประเภทต่างๆมีนางโซดาทิพย์ม่วงนวลอายุ 48 ปีผู้ต้องหาร่วมกับนางสาวปาริดาหลัก เฉลิมพรอายุ 25 ปีแอบอ้างเบื้องสูงประมวล เคลื่อนเสวยในนามคณะบุคคลคณะสูตรขายผักสด และผักต้มทรงวังอัมพรและวังสุโขทัยมีราย งานระบุว่าพลตำรวจตรีพงษ์พันธ์ ขอบอกก่อนนอน 1 สั่งการให้คณะพนักงานสอบ สวนเข้าไปสอบปากคำนางโซดา ทิพย์ ว่ามีผู้ เกี่ยวข้องที่มีลักษณะแอบอ้างกระทำความ ผิดตามมาตรา 112 อีกหรือไม่ส่วนการออก หมายจับเรียกนางสาวปาริดามาสอบปากคำเพิ่ม เติมขณะนี้ออกใหม่เรียกไปแล้วจากการตรวจ สอบประวัติของนางสาวปาริดาทราบว่าเป็นลูก
สะใภ้ของนางสุดาทิพย์ทั้งนี้พลตำรวจโท ศรีวราห์รังสิพราหมณกุลขอบอกช.นสั่งการ ให้พนักงานสอบสวนเร่งสรุปสำนวนคดีความผิด ตามมาตรา 112 พื้นที่สนสามเสนและสน. ลาดพร้าวให้เสร็จสิ้นภายในอาทิตย์นี้ เพื่อส่งสำนวนให้คณะพนักงานสอบสวนสำนัก งานตำรวจแห่งชาติพิจารณาต่อไปที่สตชพล ตำรวจเอกสมยศพุ่มพันธ์ม่วงผอ.ตรกล่าวว่า การสอบสวนทางวินัยคดีพลตำรวจโทพงศ์พันธุ์ ฉายาพันธุ์อดีตผปชพร้อมพวกจริตตำรวจสรุป มาถึงตนแต่ถึงขณะนี้ ยัง ไม่ได้รับแต่ขอยืน ยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐานเป็น ไปตามระเบียบบังคับและกฎหมายไม่มีการใส่ ร้ายป้ายสีหรือสร้างหลักฐานอันเป็นเท็จ
ถ้ามีมูลและมีความผิดตามข้อกล่าวหาต้อง ดำเนินการตามขั้นตอนอาจจะปลดออกให้ออก หรือไล่ออกก็แล้วแต่อยู่ที่ผู้รับผิดชอบ จะเสนอขึ้นมาว่าอยู่ขั้นใดส่วนการดำเนิน การถอดยศต้องดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอนขณะ นี้อยู่ในขั้นการสอบสวนแต่ขณะที่สืบสวน อาจมีข่าวว่ามีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง 20 ถึง 30 คนแต่หลังสอบสวนบางคนอาจจะไม่ผิด ก็คือไม่ผิดผบตรกล่าวโดยว่าตำแหน่งผบชก ที่ว่างยังไงก็ต้องแต่งตั้งที่ส่งพัน ตำรวจโทประวุฒิถาวรศิริผู้ช่วยผบตรไป รักษาการเพราะเป็นบุคคลที่มีความรู้ความ สามารถทำงานเป็นที่ประจักษ์ว่าทำงานได้ดี แต่ต้องยอมรับว่างานในหน้าที่มีเยอะรับ
ผิดชอบ หลาย ด้าน เพราะฉะนั้นเมื่อถึงเวลาตน จะต้องตั้งผู้มาทำหน้าที่ผบ.จ.กขณะนี้ยัง อยู่ในขั้นตอนตัดสินใจว่าจะมอบให้ใครทั้ง นี้ทั้งนั้นต้องเข้าไปหารือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรีฐานะผู้รับผิด ชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติคงไม่ตัดสินใจ เพียงลำพังทุกคนที่มีความรู้ความสามารถ อยู่ในข่ายเป็นได้ทุกคนพล.ตที่ราษฎร์ หนองหารพิทักษ์รองผบก็เป็นผู้ที่มีความ รู้ความสามารถหรือแม้แต่รองผบคนอื่นๆก็ สามารถเป็นได้วงรอบการแต่งตั้งระดับนายพล ผ่านไปแล้วขณะนี้อยู่ในระหว่างแต่งตั้ง ระดับรองผบถึงสว.ดังนั้นเมื่อการแต่งตั้ง
ระดับนี้เสร็จอาจดำเนินการต่อหรืออาจจะ แต่งตั้งใครไปทำหน้าที่รักษาการผบชแทนพล ตำรวจโท ประวุฒิ เพื่อแบ่งเบาหน้าที่ส่วน การแต่งตั้งโยกย้ายจำนวนระดับสวรองผบกใน บชกมีรายงานข่าวจากกองบังคับการปราบปราม ระบุว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ถือว่า เป็นการล้างบางครั้งใหญ่ที่สุดในบชกมีนาย ตำรวจระดับส.ว ทุกบกในสังกัดจะถูกเสนอชื่อย้ายออกนอก หน่วยทั้งสิ้น 202 นายถือว่าเป็นการย้าย ครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในตำรวจที่ถูก เสนอชื่อทั้งหมดถูกมองว่าเป็นนายตำรวจที่ อยู่ในเครือข่ายพลตำรวจโทพงศ์พัฒน์ทั้ง หมดจะถูกเสนอชื่อย้ายออกไปยังกองบัญชาการ
ต่างๆทั่วประเทศ บกที่มีผู้ถูกเสนอชื่อย้ายออกนอกหน่วยมาก ที่สุดคือตำรวจสังกัดกองบังคับการปราบ ปรามถูกเสนอชื่อออกนอกหน่วยมากถึง 50 ถึง 60 นายหรือคิดเป็น 25% ของตำรวจทั้งหมด นอกจากนั้นเป็นสังกัดกอง บังคับ การตำรวจ ทางหลวงกองบังคับการปราบปรามการกระทำความ ผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีและกองบังคับการ ตำรวจน้ำเป็นต้นนอกจากนี้ยังมีรายงานด้วย ว่าผู้ที่ถูกโยกย้ายส่วนใหญ่ครั้งนี้ถูก กำหนดให้ย้ายไปสังกัดพื้นที่ห่างไกลความ เจริญตามภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศเนื่องจาก ผู้บังคับบัญชาพิจารณาว่าเป็นการลงโทษจาก การกระทำความผิดร่วมกับเครือข่ายพลตำรวจ
โทพงษ์พัฒน์แม้จะไม่ได้ถูกดำเนินคดีด้วย แต่การโยกย้ายเริ่มประสบปัญหาเนื่องจาก จำนวนตำรวจที่ถูกย้ายออกจากบชกมีจำนวนมาก กว่าที่สมัครใจย้ายมาอยู่ในสังกัดและ ตำรวจในพื้นที่ต่างจังหวัดส่วนใหญ่เป็นคน ที่
